ประวัติความเป็นมา

          บริษัท ไทยเทเลคอนเทนเนอร์ จำกัด เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 28 กรกฏาคม 2537เป็นผู้นำริเริ่มผลิตตู้คอนเทนเนอร์สำหรับใส่อุปกรณ์โทรคมนาคม เพื่อใช้เป็นชุมสายเคลื่อนที่ (Mobile – base Station) สำหรับรับ-ส่ง สัญญาณมือถือ แรกเริ่มบริษัทฯได้ทำงานร่วมกับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ผลิตคิดค้นตู้ต้นแบบจนใช้แพร่หลายในปัจจุบันซึ่งต่อมาบริษัทฯได้มีการขยายธุรกิจผลิตมาตรวัดไฟฟ้าแบบจานหมุน เพื่อรองรับการขยายตัวของประเทศ ให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคและการไฟฟ้านครหลวง ทั้ง 1 เฟส และ 3 เฟสเพื่อตอบสนองต่อโลกที่กำลังเปลี่ยนไปในยุคดิจิตอล และพัฒนาประเทศในยุค Thailand 4.0 ซึ่งเป็นโมเดลใหม่ของการพัฒนาประเทศในเชิงเศรษฐกิจ จำเป็นต้องมีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ๆ เปลี่ยนวิถีชีวิตเป็น Smart Life บริษัทได้พัฒนามิเตอร์จานหมุนให้เป็นระบบดิจิตอลที่เรียกว่า Smart Meter ดังนั้นบริษัทจึงได้ทำการเปลี่ยนชื่อจากบริษัท ไทยเทเลคอนเทนเนอร์ จำกัด ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันเป็น บริษัท สมาร์ท ทีทีซี จำกัด

โครงสร้างผังองค์กร

 
 

วิสัยทัศน์องค์กร

     เรามุ่งมั่นพัฒนามิเตอร์จานหมุนให้เป็น Smart Meter ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตยุคใหม่ Thailand 4.0 ในยุค Smart Life โดยมุ่งเน้นคุณภาพ เที่ยงตรงเป็นธรรม ต่อผู้ใช้และผู้จ่ายไฟ และคงไว้เพื่อผลประโยชน์ของชาติ

นโยบายสิ่งแวดล้อม

เพื่อให้การดำเนินงานใน ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001:2015 ของ บริษัท สมาร์ททีทีซี จำกัด เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จึงกำหนดแนวทางการดำเนินงาน ดังนี้

1. มุ่งมั่นปฏิบัติตามกฎหมาย และข้อกำหนดต่างๆ ในด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด

2. ควบคุม ปรับปรุง กระบวนการผลิต และกิจกรรมการดำเนินงานต่างๆ โดยมุ่งเน้น การปกป้อง และป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
    รวมถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุด

3. สนับสนุนทรัพยากรทั้งในด้านบุคลากร งบประมาณ และการฝึกอบรมอย่างเหมาะสมและเพียงพอ

4. ทบทวน และพัฒนาระบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ

ใบรับรอง

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565
 บริษัท สมาร์ททีทีซี จำกัด ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูล และสนับสนุนให้ท่านทำความเข้าใจนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) นี้ เนื่องจากนโยบายนี้อธิบายถึงวิธีการที่บริษัทปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น การเก็บรวบรวม การเก็บรักษา การใช้ การเปิดเผย รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของท่าน เป็นต้น เพื่อให้ท่านได้รับทราบถึงนโยบายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท บริษัทจึงประกาศนโยบาย ดังต่อไปนี้

1.ขอบเขตของนโยบาย

            นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (นโยบาย) นี้มีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายวิธีการที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิที่ท่านมีเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลนี้ บริษัทมีหน้าที่คุ้มครองความปลอดภัยของข้อมูลที่บริษัทได้ให้บริการ และ/หรือที่บริษัทได้รับจากท่าน

2.คำนิยาม

            2.1 “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลใด ๆ ที่ทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม รวมถึงข้อมูลของผู้ควบคุมข้อมูลหรือเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้แก่บริษัท เพื่อให้บริษัทดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาบริการ โดยแบ่งประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้

                        2.1.1 ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป หมายถึง ชื่อและนามสกุล เพศ วันเดือนปีเกิด อายุ ที่อยู่อาศัย หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรสาร ชื่อผู้ใช้ อีเมล์ หรือข้อมูลใด ๆ ที่มีชื่อของบุคคลนั้น หรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งอื่นใดที่ทำให้รู้ตัวบุคคลนั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงคน หรือรูปถ่ายและให้หมายความรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย

                        2.1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับ เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลสภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน

            2.2 “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง นิติบุคคลที่เป็นผู้รับบริการของบริษัท และบริษัทที่เป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

            2.3 “ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บริษัทซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้บริษัทดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในสัญญาบริการ โดยบริษัทไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล

            2.4 “บริษัท” หมายถึง บริษัท สมาร์ททีทีซี จำกัด และให้หมายความรวมถึงบุคคลที่บริษัทมอบหมายด้วย

3. การเคารพในสิทธิส่วนบุคคล

บริษัทเคารพและให้ความสำคัญถึงสิทธิ ข้อมูลส่วนบุคคล และการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทตระหนักดีว่า ท่านย่อมประสงค์ที่จะได้รับความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

4. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอย่างจำกัด

            4.1 บริษัทจะใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมในการเก็บรวบรวมข้อมูลและเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยในการเก็บรวบรวมนั้นจะทำเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัทและตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น

            4.2 บริษัทในฐานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและขอความยินยอมจากท่านก่อนทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เว้นแต่

 1. เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน
 2. เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
 3. เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในกากรดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา
 4. เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  1. เป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น
  2. เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล
  3. เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา เป็นต้น

            4.3 บริษัทอาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเข้ากับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้รับมาจากแหล่งอื่น เฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็น และได้รับความยินยอมจากท่านเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้เป็นปัจจุบัน และเพื่อปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของการให้บริการที่ดียิ่งขึ้น

            4.4 บริษัทอาจสอบถามและจัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมจากท่านเพื่อให้ข้อมูลนั้นมีความถูกต้องเป็นปัจจุบัน และสมบูรณ์  อยู่เสมอ

5. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์การให้บริการซึ่งเป็นไปตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน บริษัทจะแจ้งให้ท่านทราบถึงวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านต่อบุคคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ระยะเวลาในการจัดเก็บ สิทธิตามกฎหมายของท่านต่อข้อมูลส่วนบุคคล และหน่วยงานที่ท่านสามารถติดต่อเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และบริษัทจะดำเนินมาตรการที่เข้มงวดในการรักษาความมั่นคง ปลอดภัย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาตจากท่านก่อน

บริษัทจะเก็บรวบรวม ใช้ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อประโยชน์ในการบริการแก่ท่าน รวมถึงบริการที่ท่านสนใจ หรือบริการอื่นใด หรือการจัดทำบริการทางดิจิทัล หรือการวิจัยตลาดและการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย หรือเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ การจัดทำฐานข้อมูล และใช้ข้อมูลเพื่อนำเสนอบริการ สิทธิประโยชน์ หรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ตามความสนใจของท่าน

            บริษัทจะจัดเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าวไว้ตามระยะเวลาเท่าที่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์เหล่านั้น เท่านั้น และจะไม่กระทำการใด ๆ แตกต่างจากที่ระบุในวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวมข้อมูล เว้นแต่

            1) ได้แจ้งวัตถุประสงค์ใหม่ให้ท่านทราบ และได้รับความยินยอมจากท่าน

            2) เป็นกรณีที่กฎหมายกำหนด

6. การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้อย่างจำกัด

            6.1 บริษัทในฐานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากท่านและจะต้องเป็นการใช้ตามวัตถุประสงค์ของบริษัทเท่านั้น บริษัทจะดูแลให้ผู้ปฏิบัติงานของบริษัทมิให้เปิดเผย แสดง หรือทำให้ปรากฎในลักษณะอื่นใดซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน นอกเหนือไปจากวัตถุประสงค์หรือต่อบุคคลภายนอก เว้นแต่

                        1) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารเพื่อเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัย หรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของท่าน

                        2) เป็นการจำเป็นเพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

                        3) เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา

                        4) เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

                        5) เป็นไปเพื่อประโยชน์ของท่าน และการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

                       6) เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวน หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

                        7) เป็นการปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พระราชบัญญัติการประกอบกิจการโทรคมนาคม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ประมวลกฎหมายแพ่งและอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งและอาญา เป็นต้น

                      6.2 บริษัท อาจใช้บริการสารสนเทศของผู้ให้บริการภายนอกเพื่อให้ดำเนินการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งผู้ให้บริการนั้น จะต้องมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย โดยห้ามดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลนอกเหนือจากที่บริษัทกำหนด

                    6.3 ในบางกรณีบริษัทอาจให้บุคคลหรือหน่วยงานอื่นเข้าถึงหรือใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็น และเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทในฐานะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องได้รับความยินยอมจากท่านก่อน

7. มาตรการและวิธีการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

            บริษัทจะจัดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสม และพัฒนาระบบการจัดการความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศให้สอดคล้องตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนดรวมถึงสร้างจิตสำนึกในการรับผิดชอบด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ของบริษัท และผู้รับจ้างหรือผู้ให้บริการภายนอกของบริษัทปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

            หากท่านสงสัยว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกเปิดเผยแก่บุคคลภายนอก หรือสูญหาย หรือถูกขโมย และได้มีการทำรายการโดยมิได้รับอนุญาต กรุณาแจ้งบริษัททันที

8. การมีส่วนร่วมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

                   8.1 หากท่านประสงค์จะทราบข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตนเอง สามารถยื่นคำร้องขอและวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้ได้ ณ ที่ทำการของบริษัท เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว บริษัทจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา 30 วันหรือภายในระยะเวลาอันสมควร

                  8.2 ท่านมีสิทธิภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนดดังต่อไปนี้

                  8.2.1 สิทธิในการขอเข้าถึง หรือขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนเอง หรือขอให้เปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนในกรณีที่เป็นข้อมูลซึ่งท่านไม่ได้ให้ความยินยอมในการรวบรวมหรือจัดเก็บ

                  8.2.2 สิทธิในการขอให้บริษัทแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของตนให้ถูกต้อง สมบูรณ์ และเป็นปัจจุบัน

                  8.2.3 สิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนเองจากบริษัทในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ รวมถึงขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น

                        8.2.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย หรือไม่อนุญาตให้บริษัทนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปประมวลผล เว้นแต่กรณีที่บริษัทพิสูจน์ได้ว่าบริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเพื่อปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาระหว่างท่านและผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หรือโดยอาศัยสิทธิอันชอบด้วยกฎหมายอื่น

                        8.2.5 สิทธิขอให้ดำเนินการลบ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ เว้นแต่กรณีบริษัทต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในการเก็บรักษาข้อมูลดังกล่าว

                        8.2.6 สิทธิขอระงับการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตน

                        8.2.7 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ การเพิกถอนดังกล่าวจะไม่ส่งผล   ใด ๆ กับการประมวลผลข้อมูลที่ได้ดำเนินการไปแล้ว

                        8.2.8 สิทธิในการร้องเรียน ในกรณีที่บริษัทรวมถึงลูกจ้างหรือผู้รับจ้างของบริษัทฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือประกาศที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้

            ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถยื่นคำร้องขอดำเนินการตามสิทธิข้างต้นได้ ณ ที่ทำการของบริษัท หรืออีเมล์ smartttc@smartttc.com  เมื่อบริษัทได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้วบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาภายใน 30 วัน หรือภายในระยะเวลาอันสมควรอย่างไรก็ตาม สิทธิดังกล่าวอาจมีข้อจำกัดตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด และบริษัทจะบันทึกคำร้องขอดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน

9. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลและการเพิกถอนความยินยอม

                   9.1 บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของบริษัท หรือเป็นการจำเป็นเพื่อก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมายหรือเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือตามคำสั่งที่ได้รับจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลเท่านั้น เว้นแต่คำสั่งนั้นขัดต่อกฎหมายหรือบทบัญญัติในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามพระราชบัญญัตินี้

            9.2 บริษัทจะจัดให้มีระบบการตรวจสอบเพื่อดำเนินการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาที่บริษัทกำหนด หรือตามข้อตกลงในสัญญาบริการ หรือคำสั่งที่ได้รับจากผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องหรือเกินความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับความยินยอม หรือดำเนินการตามที่ท่านร้องขอ หรือที่ท่านได้ถอนความยินยอมเว้นแต่เก็บรักษาไว้เพื่อวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายกำหนด

10. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงและการเปิดเผยนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทจะพิจารณาทบทวนปรับปรุงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการให้บริการ การดำเนินงานภายใต้วัตถุประสงค์ของบริษัท และให้มีความทันสมัยและเป็นมาตรฐานที่ยอมรับได้อย่างสม่ำเสมอ โดยบริษัทจะเปิดเผยนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่ท่านทราบผ่านเว็บไซต์ของบริษัท หรือช่องทางอื่น ๆ ตามความเหมาะสม

11. ขอบเขตของนโยบาย

บริษัทได้มีการดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ บริษัทได้จัดทำระเบียบ คำสั่งให้ผู้เกี่ยวข้องดำเนินการตามที่กำหนดไว้เพื่อให้การดำเนินงานตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

12. บทลงโทษ

              ในกรณีที่ผู้บริหารและพนักงานกระทำการใด ๆ ที่เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามนโยบายฉบับนี้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ผู้บริหารและพนักงานจะถูกพิจารณาลงโทษทางวินัยตามระเบียบข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงานของบริษัท

13. ช่องทางในการติดต่อ

เลขที่ 68/1 ซอยประเสริฐมนูกิจ 29 ถนนประเสริฐมนูกิจ

แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร 10230

โทรศัพท์ : (02) 157-0701-3

อีเมล์ : smartttc@smartttc.com